วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ProfileNattanan : ต้นไม้ในสวนพฤษศาสตร์



ปาล์มสิบสองปันนา
█║▌│█│║▌║││█║▌║▌║█║▌│█│║▌║││█║▌║▌║█║▌│█│║▌█║▌│█│║▌║││█



ปาล์มสิบสองปันนาเป็นพรรณไม้ตระกูลปาล์มมีลำต้นเดี่ยว สูงประมาณ 1.5-2 เมตร ส่วนยอดของลำต้นมีกาบใบแตกออกมา ใบสีเขียวเข้ม มีลักษณะเป็นรูปขนนกแผ่โค้งออกรอบต้น ทำให้ดูสวยงาม โดยเมื่อปลูกเดี่ยวปล่อยให้มีพื้นที่ว่างรอบๆ ต้น ปาล์มสิบสองปันนาจะแผ่กิ่งก้านใบออกอย่างเสรีดูสวยและสง่างาม
ปาล์มสิบสองปันนาเป็นไม้กลางแจ้งที่ทนต่อแสงแดดได้ตลอดวัน ต้องการน้ำและความชื้นในระดับปานกลาง แต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้แม้มีแสงแดดน้อยและน้ำน้อย จึงสามารถนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารได้
ปาล์มสิบสองปันนาเหมือนกับปาล์มชนิดอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการดูดสารพิษในอากาศภายในอาคารได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะสารไซรีน (xylene) และมีการคายความชื้นที่ดี จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารสำนักงาน


ชื่อ
 ปาล์มสิบสองปันนา
ชื่อวิทยาศาสตร์   
ชื่อวงศ์
 Phoenix loureiri Kunth, Phoenic roebelenii
 ARECACEAE (PALMAE)
ถิ่นกำเนิด               ภาคเหนือของไทยและประเทศในแถบอินโดจีน
แสงแดด             กึ่งแดดถึงแดดจัด
อุณหภูมิ             18-24 องศาเซลเซียส 
ความชื้น             ต้องการความชื้นปานกลาง
  น้ำ                    ต้องการน้ำปานกลาง

ลักษณะ

ปาล์มสิบสองปันนามีขนาดลำต้นที่เล็ก และเติบโตช้า มีความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ เมตร ส่วนก้านใบนั้นยาว 60 - 120 เซนติเมตร ลักษณะเป็นแบบใบมะพร้าว มีใบย่อยประมาณ 100 ใบ ก้านใบจัดเรียงในระนาบเดี่ยว ส่วนใบย่อยเรียงเป็นสองข้าง ใบย่อยแต่ละใบยาว 15-25 เซนติเมตร กว้าง เซนติเมตร ลักษณะโค้งลง สีเขียวอมเทา ด้านใต้ใบมีขนเล็กๆ  
 ส่วนดอกนั้นมีขนาดเล็ก เป็นสีเหลืองอ่อน มีช่อดอกยาว 45 เซนติเมตร และมีผลนั้นเป็นผลแบบเมล็ดเดียว คล้ายอินทผลัมขนาดเล็ก เนื้อในบาง

การปลูกและประโยชน์

ปาล์มสิบสองปันนานิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เพราะมีขนาดเล็กเติบโตช้า รูปใบสวยงาม เหมาะสำหรับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย แต่ก็สามารถเติบโตได้ในหลายภูมิภาคของโลก

การขยายพันธุ์ 

           โดยการเพาะเมล็ด  และแยกหน่อ


โรคและแมลง  

           เพลี้ยแป้ง  ตั๊กแตนกินใบ  และหนอนม้วนใบ

การป้องกันและกำจัด  

             ฉีดพ่นด้วยยามาลาไธออน  หรือไดเมธไธเอธ  หรือจะใช้ยาดูดซึมพวกไซกอนก็ได้


  ขอบคุณค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น